เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ทำไมจึงควรตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ
- แคลเซียม คราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจเกิดจากอะไร
- ใครที่ควรตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ?
- ผลการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ แบบไหนเสี่ยงโรคหัวใจ
- การเตรียมตัวก่อนการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ
- ข้อดีของการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ
- การปฏิบัติตนสำหรับผู้ที่มีผลการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจสูง
- การตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ รพ. เมดพาร์ค
ตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (CT calcium score)
ตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (CT calcium score) คือ การตรวจวัดปริมาณแคลเซียมสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้เครื่องเอกเรย์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (CT scan) คำนวณปริมาณแคลเซียมที่เกาะผนังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ โดยหากผลการตรวจระบุคราบหินปูนสะสมในปริมาณสูง ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือดสูงตามไปด้วย เช่น โรคหลอดเลือดแดงแข็ง หลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและการเสียชีวิต การตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจเป็นการตรวจคัดกรองโรคที่มีความรวดเร็ว แม่นยำ และมีความปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด ถือเป็นหนึ่งในเวชศาสตร์ป้องกันที่ช่วยชีวิตผู้คนให้รอดพ้นจากโรคร้ายที่อาจกำลังเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมจึงควรตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ?
แคลเซียม หรือคราบหินปูนสะสม (Calcified plaque) เกาะผนังหลอดเลือดหัวใจทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบ และหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้เลือดไหลผ่านผนังหลอดเลือดในจุดที่มีการสะสมก่อตัวของคราบหินปูนได้ยากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่นำไปสู่อาการหัวใจวายและเสียชีวิตในที่สุด การตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (CT calcium score) นำไปสู่การวางแผนการรักษาและการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและช่วยให้มีอายุขัยยาวนานขึ้น
แคลเซียม คราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจเกิดจากอะไร?
- ความเสื่อมสภาพของแคลเซียมในร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการสะสมของคราบหินปูน
- กลไกตามธรรมชาติของร่างกายในการสร้างแคลเซียมขึ้นมาเพื่อป้องกันการอักเสบของหลอดเลือด
- ไขมัน และโคเลสเตอรอลสะสมในหลอดเลือดในปริมาณสูง ร่วมกับคราบหินปูน
- การขาดวิตามินดี และวิตามินเค 2 ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ และทำให้มีแคลเซียมตกค้างสะสมในหลอดเลือดหัวใจ
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงที่ทำให้เกิดการสะสมของคราบหินปูนในหลอดเลือด โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน
- การสูบบุหรี่ จากการศึกษาพบว่า การสูบบุหรี่ทำให้ระดับแคลเซียมในหลอดเลือดสูงขึ้น
ใครที่ควรตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ?
- ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเดียวกันเป็นโรคหัวใจ
- ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจในระดับปานกลาง
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ทั้งชายและหญิงแม้ไม่มีอาการ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย หรือ ค่า BMI มากกว่า 25.0 กก./ตร.ม เป็นโรคอ้วน หรือเข้าข่ายเป็นโรคอ้วน
- ผู้ที่ทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ
- ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
- ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย
- ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน
ผลการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ แบบไหนเสี่ยงโรคหัวใจ?
การตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ ใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed tomography (CT) ที่มีความคมชัดและมีความเร็วสูงในการจับภาพหัวใจขณะกำลังเต้นเพื่อตรวจวัดระดับแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ และทำการประมวลผลหาค่าแคลเซียม สกอร์ (Coronary calcium score) ผลคะแนนที่ได้จะมีความสัมพันธ์กับโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบดังนี้
- ผลการตรวจ Calcium Score ได้ค่า 0 = ไม่มีคราบหินปูนสะสมในหลอดเลือดหัวใจ ไม่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผลการตรวจ Calcium Score ระหว่าง 1-100 = มีคราบหินปูนสะสมในหลอดเลือดหัวใจน้อย มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำ
- ผลการตรวจ Calcium Score ระหว่าง 101-400 = มีคราบหินปูนสะสมในหลอดเลือดหัวใจปานกลาง มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจปานกลาง
- ผลการตรวจ Calcium Score ตั้งแต่ 401 ขึ้นไป = มีคราบหินปูนสะสมในหลอดเลือดหัวใจสูง มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันสูงมาก อาจมีอาการของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดภายในเวลา 2-5 ปี
การเตรียมตัวก่อนการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการตรวจ หากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือหากกำลังตั้งครรภ์
- งดยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจ หรือทำให้ชีพจรเต้นเร็ว
- งดเครื่องดื่มที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
- งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจ
- ถอดเครื่องประดับทุกชนิดก่อนเข้ารับการตรวจ
- สามารถรอรับผลการตรวจโดยแพทย์ผู้ทำการตรวจได้ภายในวันเดียวกัน
ข้อดีของการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ
- ให้ข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ ช่วยให้แพทย์วิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดอื่น ๆ เพื่อนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสม - ช่วยให้ทราบปริมาณหินปูนสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ เพื่อนำไปสู่การพยากรณ์และป้องกันโรคร้ายที่อาจกำลังเกิดขึ้น
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล สามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังเข้ารับการตรวจ
- ไม่ต้องงดน้ำ และงดอาหารก่อนเข้ารับการตรวจ
- เป็นการตรวจที่มีความปลอดภัย ไม่ทำให้เจ็บปวด
- ไม่ต้องใส่สายสวนหัวใจ ไม่ต้องฉีดสารทึบแสง
- ไม่มีการนำเครื่องมือแพทย์ใด ๆ เข้าสู่ร่างกาย
- มีความสะดวก รวดเร็ว ใช้เวลาในการตรวจเพียง 10-15 นาที
- ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ
การปฏิบัติตนสำหรับผู้ที่มีผลการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจสูง
หากผลการตรวจพบแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจสูง หรืออยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด แพทย์จะพิจารณาวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การให้ยาเพื่อลดการสะสมของแคลเซียมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ ร่วมกับการปรับพฤติกรรม ดังต่อไปนี้
- แพทย์ให้ยากลุ่มสแตติน (Statins) หรือกลุ่มยาอื่น ๆ เพื่อช่วยลดไขมันและควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
- การจัดตารางการออกกำลังกายโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าค่าเฉลี่ย หรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที
- การปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร โดยการหลีกเลี่ยงอาหารไขมันอิ่มตัวสูง
- แพทย์จะทำการนัดตรวจเป็นระยะเพื่อติดตามอาการ
- การตรวจสุขภาพอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (Exercise stress test: EST)
- การเลิกบุหรี่
- การทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด
การตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ รพ. เมดพาร์ค
ศูนย์หัวใจ รพ. เมดพาร์ค นำโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจที่มีความพร้อมในการตรวจวินิจฉัยแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อให้การวินิจฉัยและการรักษาโรคได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว พร้อมให้การติดตามประเมินผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้รับการรักษามีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น และมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงไปอีกตราบเท่านาน
ตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ ราคา 5,200 บาท*