เลือกหัวข้อทีต้องการอ่าน
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงคืออะไร?
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีอาการอย่างไรบ้าง?
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง เมื่อไรที่ควรพบแพทย์?
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีสาเหตุเกิดจากอะไร?
- วิธีการตรวจรักษาภาวะแคลเซียมในเลือดสูงมีอะไรบ้าง?
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีวิธีป้องกันอย่างไร?
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (hypercalcemia) คือภาวะที่ปริมาณแคลเซียมในเลือดเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบปฐมภูมิ มะเร็งบางชนิด ภาวะวิตามินดีสูงเกินไป โรคบางชนิด หรือยาบางอย่าง การรักษาภาวะแคลเซียมในเลือดสูงได้แก่การรับประทานยาหรือการผ่าตัด
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงคืออะไร?
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (hypercalcemia) เกิดจากการที่ปริมาณแคลเซียมในเลือดเพิ่มขึ้นผิดปกติ โดยอาจมีสาเหตุมาจากการรับประทานยาและอาการป่วยจากโรคบางชนิด ส่งผลให้กระดูกเปราะบาง เกิดนิ่วในไต และการทำงานของสมองและหัวใจผิดปกติ แคลเซียมถือเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย พบมากในกระดูก ช่วยในการทำงานของระบบประสาท หัวใจ และการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ โดยระดับแคลเซียมในร่างกายของคนเราจะถูกควบคุมโดยฮอร์โมน 2 ชนิด ที่มีชื่อว่า พาราไทรอยด์ ฮอร์โมน (parathyroid hormone) และแคลซิโทนิน (calcitonin) นอกจากนี้วิตามินดีก็มีส่วนช่วยให้ร่างกายของเราสามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ดีขึ้น
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงพบได้บ่อยหรือไม่?
ประชากรโลกราว 1-2% ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่ามีภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ทั้งนี้ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบมากในสตรีที่มีอายุมากกว่า 50 ปี โดยประมาณ 90% ของผู้ป่วยจะมีภาวะแคลเซียมในเลือดสูงจากภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบปฐมภูมิและภาวะแคลเซียมในเลือดสูงจากมะเร็ง
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีอาการอย่างไรบ้าง?
ในช่วงแรก ๆ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงมักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ แต่ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงที่รุนแรงเรื้อรังอาจส่งผลให้รู้สึกเหนื่อย หิวน้ำและปัสสาวะบ่อยขึ้น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ความอยากอาหารลดลง ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ ตะคริว กล้ามเนื้อกระตุก อ่อนแรง ซึมเศร้า ขี้ลืม และหงุดหงิดง่าย
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง เมื่อไรที่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการดังที่กล่าวมาแล้ว ควรพูดคุยกับแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างเหมาะสม
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีสาเหตุเกิดจากอะไร?
สาเหตุของภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ได้แก่ การรับประทานยาบางชนิด โรคต่าง ๆ และภาวะขาดน้ำ แต่สาเหตุหลักได้แก่ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบปฐมภูมิและภาวะแคลเซียมในเลือดสูงจากมะเร็ง
- ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบปฐมภูมิ
ร่างกายของคนเราจะมีต่อมพาราไทรอยด์ 4 ต่อม อยู่ด้านหลังต่อมไทรอยด์ในลำคอ โดยต่อมพาราไทรอยด์จะทำงานร่วมกับกระดูก ไต และลำไส้ในการรักษาระดับแคลเซียมในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เมื่อต่อมพาราไทรอยด์หนึ่งต่อมหรือมากกว่านั้นทำงานมากผิดปกติ ฮอร์โมนพาราไทรอยด์จะถูกผลิตและหลั่งออกมามากเกินไป ส่งผลให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้น - โรคมะเร็งที่ก่อให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงโรคมะเร็งราว 2% ส่งผลทำให้ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง โดยภาวะแคลเซียมในเลือดสูงจากมะเร็งมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันรุนแรง โรคมะเร็งที่ส่งผลทำให้ภาวะแคลเซียมในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งไขกระดูกมัยอิโลมา (multiple myeloma) มะเร็งเซลล์เนื้อเยื่อไต (renal cell carcinoma) มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งกล้ามเนื้อลาย
- ยาที่ส่งผลทำให้ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ส่งผลทำให้ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ได้แก่ การบริโภควิตามินเอ วิตามินดี และผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมมากเกินไป ยา lithium และกลุ่มยาขับปัสสาวะ เช่น ยา hydrochlorothiazide และยา thiazide สำหรับโรคความดันโลหิตสูงและภาวะบวมน้ำ
สาเหตุอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้น ได้แก่ ภาวะไตวาย โรคซาร์คอยโดซิส (sarcoidosis) วัณโรค ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ โรคกระดูก Paget's disease และการไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีภาวะแทรกซ้อนของอะไรบ้าง?
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงมักถูกตรวจพบได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจึงน้อยมาก แต่ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ การที่มีแคลเซียมในเนื้อไต (nephrocalcinosis) ส่งผลต่อการทำงานของไต ไตวาย นิ่วในไต ความดันโลหิตสูง ถุงน้ำในกระดูก กระดูกหัก โรคกระดูกพรุน โรคซึมเศร้า
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร?
การตรวจสารเคมีในเลือด แบบ Basic Metabolic Panel (BMP) หรือ Comprehensive Metabolic Panel (CMP) ซึ่งรวมถึงการตรวจหาค่าแคลเซียมในเลือด
• การตรวจเลือดวัดค่าฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (PTH)
• การตัวเลือดวัดค่าวิตามินดี
• การตรวจปัสสาวะวัดค่าแคลเซียม
หากผู้ป่วยมีภาวะแคลเซียมในเลือดสูงหรือมีความเสี่ยงที่จะมีภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเนื่องจากโรคมะเร็ง แพทย์จะทำการตรวจเลือดหาค่าแคลเซียม หากค่าแคลเซียมสูง แพทย์จะทำการตรวจประวัติสุขภาพ ตรวจร่างกาย ซักถามถึงยาที่กำลังรับประทานอยู่ ในรายที่ไม่สามารถหาสาเหตุของภาวะแคลเซียมสูงได้ แพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการตรวจเพิ่มเติมกับอายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อเพื่อหาสาเหตุต่อไป
ค่าแคลเซียมในเลือดที่ผิดปกติ คืออะไร?
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงชนิดไม่รุนแรง: แคลเซียมในเลือดจะอยู่ที่ระดับ 10.6 - 11.9 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (mg/dL)
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงชนิดปานกลาง: แคลเซียมในเลือดจะอยู่ที่ระดับ 12.0 - 13.9 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (mg/dL)
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงชนิดรุนแรง: แคลเซียมในเลือดจะสูงกว่า 14.0 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (mg/dL)
วิธีการตรวจรักษาภาวะแคลเซียมในเลือดสูงมีอะไรบ้าง?
- เฝ้าระวังภาวะแคลเซียมในเลือดสูงชนิดไม่รุนแรง แพทย์จะติดตามดูสุขภาพกระดูกและไตว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่
- การรับประทานยาสำหรับภาวะแคลเซียมในเลือดสูงชนิดปานกลางหรือรุนแรง
- ยา Calcimimetics ช่วยรักษาภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง
- ยา Bisphosphonates เป็นยาสำหรับโรคกระดูกพรุนผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งช่วยลดระดับแคลเซียมในเลือดได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผู้ป่วยภาวะแคลเซียมสูงที่เกิดจากมะเร็ง ภาวะแทรกซ้อนจากยา ได้แก่ กระดูกต้นขาหักหรือโรคกระดูกพรุน
- ยา Denosumab มักใช้ในรายที่อาการไม่ตอบสนองต่อยา Bisphosphonates
- ยา Prednisone สามารถรักษาภาวะแคลเซียมในเลือดสูงจากการที่ระดับวิตามินดีในร่างกายสูง
- สารน้ำทางหลอดเลือดดำและยาขับปัสสาวะ สำหรับผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูงมากจนถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ยาจะช่วยลดระดับแคลเซียมอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจเต้นผิดปกติและระบบประสาทถูกทำลาย
- การผ่าตัดนำต่อมพาราไทรอยด์ที่ทำงานมากเกินไปออก หรือการฉีดนิวไคลด์กัมมันตรังสีปริมาณต่ำเข้าไปยังต่อมพาราไทรอยด์ที่ทำงานผิดปกติ
ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง มีวิธีป้องกันอย่างไร?
- เข้ารับการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของภาวะแคลเซียมในเลือดสูง
- ดูแลสุขภาพโดยการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ก่อนรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมหรือวิตามินดี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปพบแพทย์?
- จดอาการที่มี เหตุการณ์ในชีวิตครั้งสำคัญ ประวัติสุขภาพของตนเองและครอบครัว และนำยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่กำลังรับประทานอยู่ติดมาด้วย
- จดคำถามที่ต้องการถามแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น
- สาเหตุของอาการคืออะไร
- จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมหรือไม่
- แพทย์แนะนำให้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีใด มีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่
- ควรจัดการกับโรคประจำตัวอย่างไร
- เตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่แพทย์อาจจะถาม
- อะไรที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง
- เคยมีประวัติกระดูกหัก กระดูกพรุน หรือเป็นนิ่วในไตหรือไม่
- เคยปวดกระดูกหรือไม่
- น้ำหนักตัวลดลงเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่
- คนในครอบครัวเคยมีภาวะแคลเซียมในเลือดสูงหรือไม่