เครื่องสำอางหมดอายุ
เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมใช้ทุก ๆ วัน เพื่อเสริมความงาม เพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง แต่หลายคนอาจมองข้ามไปว่าเครื่องสำอางก็มีวันหมดอายุเช่นกัน หากใช้เครื่องสำอางหมดอายุ อาจก่อให้เกิด อาการแพ้เครื่องสำอางได้
เครื่องสำอางหมดอายุดูอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้วเครื่องสำอางจะระบุวันที่ ผลิต MFG/MFD (Manufacturing date) และวันหมดอายุ EXP/EXD (Expiry date) ไว้ที่บริเวณฝาหรือขวดผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังสังเกตได้จาก PAO (Period after opening) หมายถึง อายุการใช้งานหลังเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีตัวเลขกำกับ เช่น 6M หมายถึง มีอายุการใช้งาน 6 เดือน หลังเปิดใช้งาน
เครื่องสำอางหมดอายุก่อนวันที่ระบุในฉลากข้างผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่?
เครื่องสำอางที่ยังไม่ได้เปิดจะยังมีคุณภาพและคงวันหมดอายุตามที่ระบุในฉลากข้างผลิตภัณฑ์ แต่เมื่อมีการเปิดใช้งานแล้ว ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่องสำอางจะสัมผัสกับอากาศ ทำให้เครื่องสำอางเริ่มเสื่อมสภาพจนทำให้เครื่องสำอางอาจหมดอายุเร็วกว่าวันที่ระบุในฉลากข้างผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้การเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธีก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องสำอางหมดอายุเร็วกว่าวันที่ระบุในฉลากข้างผลิตภัณฑ์ได้
เครื่องสำอางหมดอายุยังสังเกตได้ด้วยการดูสีของเครื่องสำอางที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรองพื้นที่เก็บไว้นาน ๆ จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ที่ทำให้สีของรองพื้นเปลี่ยน แต่สีของรองพื้นจะเปลี่ยนไปไม่มากนัก เช่น รองพื้นสีเบจ ปกติจะมีสีขาวหรือสีครีมที่อมน้ำตาล แต่กลับมีสีคล้ายสีส้ม แสดงว่าหมดอายุแล้ว หรืออีกหนึ่งวิธีคือการดมกลิ่นเครื่องสำอาง เป็นวิธีที่ใช้ได้ดีกับรองพื้นและมาสคารา หากมีกลิ่นแปลก ๆ แตกต่างจากที่ซื้อมาครั้งแรก แสดงว่าหมดอายุแล้ว แต่สำหรับมาสคารา นอกจากการดมกลิ่นแล้ว การติดเชื้อบริเวณรอบดวงตาบ่อย ๆ หลังจากใช้มาสคารา อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่ามาสคาราหมดอายุแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ สถานที่เก็บเครื่องสำอาง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เครื่องสำอางหมดอายุก่อนวันที่ระบุในฉลากข้างผลิตภัณฑ์ เนื่องจากความร้อน หรือความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราและยีสต์ ดังนั้นจึงไม่ควรเก็บเครื่องสำอางไว้ในห้องน้ำที่มีความชื้น หรือมีไอน้ำ ควรเก็บในสถานที่แห้ง แดดส่องไม่ถึง หรือที่ที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 29 องศา ถึงแม้ว่าจากเครื่องสำอางมีส่วนผสมของสารกันบูด แต่ก็ไม่สามารถป้องกันเชื้อราได้ทั้งหมด ดังนั้นจะสังเกตวันหมดอายุในฉลากข้างผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย
เราใช้เครื่องสำอางหมดอายุได้หรือไม่?
เครื่องสำอางที่หมดอายุแล้วไม่ควรนำมาใช้ต่อเพราะอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน ผิวระคายเคืองหรือรอยแดง เนื่องจากเครื่องสำอางที่หมดอายุแล้วจะมีการปนเปื้อนแบคทีเรียและเชื้อรา รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ หรือแปรงต่าง ๆ ที่มีการสัมผัสกับเครื่องสำอางและไม่ได้ทำความสะอาดหลังใช้งาน หากนำมาใช้ต่อในครั้งถัดไปอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้
เครื่องสำอางมีอายุการใช้งานเฉลี่ยเท่าไหร่?
โดยทั่วไปเครื่องสำอางจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ย ดังนี้
- มาสคาราและอายไลเนอร์ แบบน้ำ ใช้ได้ประมาณ 3 - 6 เดือน
- คอนซีลเลอร์ แบบแท่งหรือแบบหลอด ควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน
- ครีมกันแดด หรือบลัชออน ควรเปลี่ยนทุก 6 - 12 เดือน กรณีครีมกันแดด เมื่อหมดอายุแล้ว ประสิทธิภาพในการกันแดดจะน้อยลง ซึ่งอาจจะทำให้ผิวไหม้เกรียมและเป็นอันตรายได้
- ลิปสติก โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 1 - 2 ปี ลิปกลอสใช้ได้ประมาณ 6 - 12 เดือน
- อายไลเนอร์แบบดินสอ เจล หรือดินสอสำหรับเขียนขอบปาก ใช้ได้ประมาณ 1 ปี
- รองพื้นแบบน้ำ มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 1 ปี รองพื้นแบบน้ำมันจะใช้ได้ประมาณ 18 เดือน บรรจุภัณฑ์ที่ใช้บรรจุรองพื้นก็ถือเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการหมดอายุของเครื่องสำอางหมดอายุได้ โดยรองพื้นที่บรรจุในขวดแบบที่มีหัวปั๊มจะอยู่ได้นานกว่าขวดที่มีฝาแบบอื่น เพราะหัวปั๊มจะป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางในขวดสัมผัสกับอากาศภายนอก
- อายแชโดว์แบบครีม ควรเปลี่ยนทุก 6 เดือน แต่อายแชโดว์ชนิดผง สามารถใช้ได้ถึง 2 ปี
- เครื่องสำอางชนิดผง หากเก็บในที่เหมาะสมไม่มีความชื้น สามารถใช้ได้นานถึง 2 ปี
เครื่องสำอางหมดอายุสามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง?
- บริจาค เครื่องสำอางที่หมดอายุแล้วสามารถนำไปบริจาคได้ โดยบริจาคให้กับช่างแต่งหน้าที่รับแต่งหน้าให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว สามารถบริจาคให้กับโรงพยาบาลหรือมูลนิธิต่าง ๆ ที่เปิดรับบริจาค
- สร้างสรรค์งานศิลปะ เครื่องสำอางที่หมดอายุแล้ว อย่างเช่น บลัชออน อายแชโดว์หรือดินสอเขียนคิ้ว สามารถนำมาสร้างงานศิลปะได้ โดยใช้วาดภาพและระบายสี แต่ควรสวมถุงมือทุกครั้งที่ใช้เครื่องสำอางหมดอายุ เพราะเครื่องสำอางหมดอายุมีสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังได้
- รีไซเคิล เครื่องสำอางบางชนิด จะมีลักษณะเป็นตลับหรือขวด ซึ่งเราสามารถล้างเอาเนื้อสารออกและทำความสะอาดเพื่อใช้งานอย่างอื่นได้ เช่น ตลับแป้งฝุ่นที่มีกระจก สามารถเอาเนื้อแป้งฝุ่นออก เช็ดทำความสะอาดและใช้งานกระจกต่อไปได้ หรือล้างทำความสะอาดขวดบรรจุภัณฑ์แล้วนำมาทำเป็นแจกันใส่ดอกไม้
- ทิ้ง หากไม่ต้องการใช้ต่อ ควรเก็บใส่ถุงและเขียนว่าขยะมีพิษ แล้วนำไปทิ้งในถังสำหรับขยะอันตราย
การใช้เครื่องสำอางนอกจากต้องสังเกตวันหมดอายุของเครื่องสำอางแล้ว ในการเลือกซื้อเครื่องสำอางก็จำเป็นต้องดูรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อนซื้อ รวมถึงแปรงหรืออุปกรณ์ที่ใช้คู่กับเครื่องสำอาง ต้องมีการทำความสะอาดและเก็บรักษาให้ดี ในกรณีที่ใช้เครื่องสำอางแล้วเกิดอาการแพ้ ควรหยุดใช้ทันทีไม่ว่าเครื่องสำอางจะหมดอายุแล้วหรือไม่ก็ตาม หากเกิดอาการแพ้รุนแรงควรไปพบแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังเพื่อรับการรักษาต่อไป