ปวดท้องข้างซ้าย สัญญาณเตือนโรคอะไรได้บ้าง?
อาการปวดท้อง จำแนกแยกย่อยได้หลายรูปแบบ บางครั้งอาการปวดจะมีลักษณะเฉพาะเจาะจง ปวดแค่บริเวณใดบริเวณหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะ ปวดท้องข้างซ้าย หนึ่งในอาการที่มีการค้นหาบนอินเทอร์เน็ตอันดับต้น ๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นอาการพบได้บ่อย บางสาเหตุก็อาจมาจากการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั่วไป บางสาเหตุก็อาจมาจากโรคหรือความผิดปกติของร่างกายที่รุนแรงกว่านั้น จึงไม่ควรชะล่าใจ
ท้องข้างซ้าย มีอะไรอยู่?
หากต้องการเข้าใจ อาการปวดท้องข้างซ้าย ก่อนอื่นคงต้องทราบก่อนว่าบริเวณ ท้องข้างซ้ายมีอวัยวะอะไรอยู่บ้าง เพื่อที่เราจะได้พอบอกคร่าว ๆ ว่าอาการปวดที่เกิดขึ้น อาจมาจากความผิดปกติของอวัยวะดังกล่าว โดยอวัยวะที่อยู่บริเวณฝั่งซ้ายของช่องท้อง แบ่งเป็น
- ท้องข้างซ้ายส่วนบน มี กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ม้าม ไต(ข้างซ้าย)
- ท้องข้างซ้ายส่วนล่าง มี รังไข่(ข้างซ้าย) ท่อไต มดลูก ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่
จะเห็นได้ว่า มีอวัยวะภายในที่อยู่ข้างซ้ายค่อนข้างเยอะ เมื่อเรามีอาการปวด จึงมีความเป็นไปได้หลายอย่าง ที่ทำให้เกิดอาการปวดในจุดนั้น ๆ การไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโดยละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นสิ่งจำเป็น
สาเหตุที่ทำให้ปวดท้องข้างซ้าย มีอะไรบ้าง?
โดยปกติ อาการปวดท้อง จะมาจากสาเหตุทั่วไปหลัก ๆ 3 ประการ ได้แก่ ภาวะผิดปกติเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร การอักเสบติดเชื้อ และภาวะที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์เพศหญิง สำหรับอาการปวดท้องข้างซ้ายนั้น อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติต่อไปนี้
-
ระบบย่อยอาหาร
เมื่ออาการปวดท้องสอดคล้องกับการกินอาหาร อาจสันนิษฐานได้ว่า มีสาเหตุมาจากอาหารไม่ย่อย กรดเกินในกระเพาะอาหาร ท้องผูก ท้องเสีย แพ้อาหารหรืออาหารเป็นพิษ -
อักเสบติดเชื้อ
การระคายเคืองหรือติดเชื้อที่อวัยวะภายใน ก็นำไปสู่อาการปวดท้องได้เช่นกัน อาทิ โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral gastroenteritis) หรือโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection) และโรคผนังลำไส้ใหญ่โป่งพองเป็นกะเปาะอักเสบ (diverticulitis) -
ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
เป็นอาการปวดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง เช่น ปวดประจำเดือน หรืออาการปวดช่วงที่มีการตกไข่ (Ovulation pain)
อาการทั่วไปข้างต้น เป็นอาการที่มักพบได้บ่อย ยังไม่ถึงขั้นร้ายแรง สามารถบรรเทาอาการหรือรักษาให้หายได้ในระยะเวลาไม่นาน
เมื่อมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์
นอกจากนี้ อาการปวดท้องข้างซ้าย อาจมีสาเหตุที่รุนแรงกว่าอาการทั่วไป และจำเป็นต้องรับการรักษาอย่างจริงจัง ดังนี้
- โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) ปวดท้องลามไปถึงหลัง และอาการแย่ลงเมื่อนอนราบ ไอ ออกกำลังกาย หรือกินเยอะเกินไป
- โรคมะเร็งตับอ่อน (Pancreatic cancer) ปวดท้องร่วมกับอาการอ่อนเพลีย กินได้น้อย น้ำหนักลด ปัสสาวะสีเข้ม ถ่ายอุจจาระสีซีด
- ม้ามโต (Splenomegaly) เจ็บ ปวด และอึดอัดท้องด้านซ้าย รู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติ
- โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) ปวด เสียด จุก รู้สึกไม่สบายบริเวณช่องท้องส่วนบน ปวดท้องก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร
- โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach cancer) คล้ายอาการโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
- กรวยไตอักเสบ (Kidney infection) ปวดท้องและบริเวณสีข้าง ปัสสาวะบ่อย รู้สึกแสบขณะปัสสาวะ
- นิ่วในไต (Kidney stone) ปวดท้องหรือปวดหลังข้างใดข้างหนึ่ง อาจลามไปบริเวณขาหนีบ รู้สึกปวดบีบเป็นระยะ
- โรคผนังลำไส้ใหญ่โป่งพองเป็นกะเปาะอักเสบ (diverticulitis) ส่วนใหญ่จะปวดบริเวณด้านซ้ายล่างของช่องท้อง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ปวดท้องน้อยบริเวณอุ้งเชิงกราน
- ซีสต์รังไข่ (Ovarian cysts) แตก ปวดท้อง ปวดหลังส่วนล่าง ปวดประจำเดือนมาก เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
- การท้องนอกมดลูก (Ectopic pregnancy) ส่วนใหญ่เกิดที่บริเวณท่อนำไข่ หรือรังไข่
- ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic inflammatory disease) ปวดท้องบริเวณอุ้งเชิงกราน ตกขาวผิดปกติ อาจมีไข้ร่วมด้วย
- มะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer) ปวดท้อง รู้สึกอึดอัดในช่องท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย คลำเจอก้อน
ทั้งนี้ อาการดังกล่าว เป็นอาการสังเกตเบื้องต้น ผู้ป่วยแต่ละราย อาจมีอาการแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางสุขภาพ และระยะของโรค ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด ไม่ควรปล่อยไว้ อาจทำให้อาการปวดนั้นแย่ลง และรุนแรงมากขึ้น