โรคกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพชำรุดเสียหายของหมอนรองกระดูกต้นคอกดเบียดเส้นประสาทไขสันหลัง โดยปกติโรคนี้มักสัมพันธ์กับช่วงอายุที่มากขึ้น โดยจะพบมากที่สุดในช่วงอายุระหว่าง 40 - 50 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 1.7 ต่อ 1
อาการ
- อาการเจ็บแปลบจากต้นคอลงมาที่แขน
- รู้สึกชาและอ่อนแรงบริเวณแขน มือ ขา หรือเท้า
- สูญเสียความสามารถในการทรงตัวหรือการเดินผิดปกติ เสียหลักล้มบ่อย
- สูญเสียการควบคุมการขับถ่าย ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระได้
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์
ผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากพบว่าตนเองมีอาการชาอ่อนแรง หรือสูญเสียการทรงตัว รวมถึงการควบคุมการทำงานของระบบขับถ่าย
สาเหตุ
เมื่อเราอายุมากขึ้น กระดูกต้นคอและหมอนรองกระดูกต้นคอจะเกิดการเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆจากการใช้งานที่ผิดวิธีหรือลักษณะการใช้แบบซ้ำๆเป็นระยะเวลานาน โดยการเสื่อมสภาพดังกล่าวจะส่งผลต่างๆแยกได้ดังนี้
- หมอนรองกระดูกต้นคอเสื่อม – หมอนรองกระดูกต้นคอทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักของกะโหลกศีรษะ จะอยู่ระหว่างกระดูกสันหลังส่วนคอในแต่ละปล้อง โดยส่วนมากหมอนรองกระดูกมักเริ่มมีการเสื่อมสภาพได้ตั้งแต่อายุประมาณ 35 ปี โดยจะส่งผลทำให้ข้อต่อกระดูกสันหลังทำงานหนักมากขึ้น รวมถึงทำให้ช่องว่างโพรงเส้นประสาทแคบลงได้
- หมอนรองกระดูกต้นคอกดทับเส้นประสาท – เมื่อมีอายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกจะมีโอกาสเสื่อมและเกิดเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณไขสันหลังและรากเส้นประสาท
- กระดูกงอก – ความเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกอาจส่งผลทำให้กระดูกสันหลังมีการสร้างกระดูกขึ้นมาเพื่อเสริมระหว่างข้อต่อ ซึ่งการเกิดกระดูกงอกอาจส่งผลทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณไขสันหลังและรากประสาทได้เช่นกัน
ปัจจัยที่เพิ่มภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกคอเสื่อม
- อายุที่มากขึ้น – โรคกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท เป็นภาวะที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ่อยเมื่อมีอายุมากขึ้น
- อาชีพ – อาชีพที่จำเป็นต้องมีการขยับคอไปมาบ่อยๆ มีการใช้งานร่างกายเกี่ยวกับคอในลักษณะท่าทางที่ผิดปกติ หรือการทำงานที่ต้องเงยคอสูงกว่าระดับสายตาเป็นเวลานานจะส่งผลทำให้เกิดแรงกดบริเวณคอมากขึ้น
- อาการบาดเจ็บบริเวณลำคอ – อาการบาดเจ็บบริเวณคอที่อาจเคยเกิดขึ้นในอดีต อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดโรคกระดูกคอเสื่อมได้
- การสูบบุหรี่ – พบว่าการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้บ่อยขึ้น
การวินิจฉัยโรค
แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายผู้ป่วย โดยทำการตรวจการเคลื่อนไหวของกระดูกต้นคอผู้ป่วย รวมถึงทำการตรวจรับความรู้สึกของเส้นประสาทที่วิ่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ ตรวจกำลังกล้ามเนื้อ ตลอดจนปฏิกิริยาตอบสนองที่สัมพันธ์กับเส้นประสาทนั้นๆ เพื่อตรวจสอบแรงสาทกดทับไปยังเส้นประสาทกระดูกสันหลังหรือไขสันหลัง และจะมีการตรวจโดยให้คนไข้ทำการลองเดินเพื่อตรวจสอบว่าการกดทับของไสันหลังส่งผลกระทบต่อการเดินของผู้ป่วยหรือไม่
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม
แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมด้วยภาพถ่ายเอกเรย์ หรือภาพจากการส่งตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging; MRI)
- การเอกซเรย์กระดูกต้นคอ จะสามารถบ่งบอกตำแหน่งของความผิดปกติต่างๆรวมถึงอาการกระดูกงอก ซึ่งสามารถประเมินอาการของโรคกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทได้
- การส่งตรวจด้วยภาพถ่ายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging; MRI) – การทำ MRI สามารถระบุตำแหน่ง ตลอดจนบ่งบอกความรุนแรงของเส้นประสาทไขสันหลังเกิดการกดทับ เพื่อนำมาใช้ประกอบการวางแผนการรักษาได้
การตรวจการทำงานของเส้นประสาท
แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจการทำงานของเส้นประสาท เพื่อตรวจสอบว่าสามารถส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆได้อย่างปกติ โดยมีลักษณะการการตรวจดังนี้
- การตรวจวินิจฉัยกล้ามเนื้อและเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า โดยทำการวัดค่ากระแสไฟฟ้าบริเวณเส้นประสาทซึ่งทำการส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆในขณะที่กล้ามเนื้อมีการหดตัว
- ตรวจการนำไฟฟ้าของเส้นประสาท - ทำการติดขั้วไฟฟ้าเข้ากับผิวหนังและทำการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ผ่านเส้นประสาทเพื่อทำการวัดค่าประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการส่งสัญญาณของเส้นประสาท
แนวทางการรักษา
การรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการผู้ป่วยแต่ละบุคคล ซึ่งการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการเจ็บปวด การลดกิจวัตรประจำวันที่ส่งผลต่ออาการของผู้ป่วย ตลอดจนป้องกันการบาดเจ็บถาวรบริเวณไขสันหลังและเส้นประสาท
การใช้ยา
แพทย์อาจทำการสั่งยารักษาเฉพาะทางให้กับผู้ป่วย โดยกลุ่มยาที่ใช้ในปัจจุบันได้แก่
- กลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ - โดยมากผู้ป่วยมักมีอาการปวดบริเวณต้นคอ จึงอาจจำเป็นต้องได้รับยากลุ่มนี้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและอาการอักเสบจากโรคกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทได้
- คอร์ติโคสเตียรอยด์ – การทานยาเพรดนิโซโลนในห้วงระยะเวลาสั้นๆสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้ อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีอาการรุนแรง แพทย์อาจใช้วิธีการฉีดสเตียรอยด์เข้าบริเวณโพรงเส้นประสาทเพื่อลดการบวมอักเสบของเส้นประสาทไขสันหลังได้
- ยาคลายกล้ามเนื้อ – ยาบางชนิด เช่น ไซโคลเบนซาพรีน สามารถช่วยลดอาการกระตุกหรือตะคริวบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอได้
- กลุ่มยากันชัก – ยาสำหรับโรคลมชักบางชนิด เช่น กาบาเพนติน สามารถลดความเจ็บปวดจากเส้นประสาทที่ถูกทำลายได้
- กลุ่มยาต้านซึมเศร้า – ยาต้านซึมเศร้าบางชนิดสามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทได้
การทำกายภาพบำบัด
แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูจะทำการออกโปรแกรมการบริหารร่างกายที่ช่วยในการเสริมความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอและไหล่ โดยในบางครั้งผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกต้นคอและหมอนรองกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทจะได้รับผลดีจากการยืดกล้ามเนื้อ เนื่องจากจะสามารถเพิ่มช่องว่างระหว่างข้อต่อกระดูกสันหลังจากการกดทับเส้นประสาทไขสันหลังได้
การผ่าตัด
ในกรณีที่อาการของผู้ป่วยมีความรุนแรง เช่น อาการชาบริเวณแขนหรือขาเป็นมากขึ้น กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง ไม่สามารถหยิบจับของได้ตามปกติเนื่องจากมือไม่มีแรง การเดินผิดปกติจากแต่ก่อน แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาโดยการผ่าตัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง ทำการขยายโพรงเส้นประสาทไขสันหลัง โดยการผ่าตัดอาจมีการนำหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทหรือกระดูกที่งอกออก รวมถึงการผ่าชิ้นส่วนของกระดูกสันหลัง และทำการเชื่อมชิ้นส่วนข้อต่อกระดูก โดยใช้วิธีการเสริมกระดูกหรือการใช้วัสดุทางการแพทย์อื่นๆ
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และเคล็บลับการดูแลตนเอง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ – การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้อาการทุเลาลงได้เร็วขึ้น
- การใช้ยารักษาทั่วไป – ยาไอบูโพรเฟน นาพรอกเซนโซเดียม หรือ อะเซตามิโนเฟน สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคกระดูกคอเสื่อมอักเสบได้
- การประคบร้อนหรือประคบเย็น – การประคบร้อนหรือเย็นบริเวณต้นคอจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอได้
- การใช้เฝือกคออ่อน - การใช้เฝือกจะช่วยให้กล้ามเนื้อคอได้พักจากการทำงาน อย่างไรก็ตามข้อสำคัญอย่างยิ่งในการใช้งานคือไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากจะทำให้กล้ามเนื้อต้นคออ่อนแอได้
การเตรียมตัวก่อนการพบแพทย์
วิธีการเตรียมตัวก่อนการนัดหมาย
- ระบุอาการและเวลาที่เริ่มมีอาการ
- ระบุข้อมูลทางการแพทย์ที่สำคัญ รวมทั้งภาวะทางการแพทย์อื่นๆ ที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับโรคกระดูกคอสื่อม
- ระบุรายข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ รวมทั้งความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
- ระบุรายการยา วิตามิน หรืออาหารเสริมทั้งหมดที่ผู้ป่วยได้รับและกำลังรับประทานอยู่
- จดคำถามเพื่อถามแพทย์
สิ่งที่คาดหวังจากการพบแพทย์
คำถามที่แพทย์จะถามมีดังนี้
- ตำแหน่งของต้นคอที่มีอาการเจ็บปวด
- คุณเคยมีอาการปวดที่คล้ายคลึงกันซึ่งท้ายสุดแล้วอาการดีขึ้นเองหรือไม่
- คุณมีปัญหาในระบบขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระหรือไม่
- คุณมีอาการปวดเมื่อยหรือรู้สึกอ่อนแรงที่แขน มือ ขา หรือเท้าหรือไม่
- คุณมีปัญหาในการเดินหรือการทรงตัวหรือไม่
- คุณประกอบอาชีพอะไร และลักษณะกิจวัตรในแต่ละวัน
- คุณเคยบาดเจ็บบริเวณคอหรือไม่