เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง คืออะไร?
- อาการปวดท้องน้อยเรื้อรังในผู้หญิง
- สาเหตุของอาการปวด
- การวินิจฉัยอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- การรักษาอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- การดูแลรักษาอาการที่บ้าน
ปวดท้องน้อยเรื้อรังในผู้หญิง (Chronic Pelvic Pain in Women)
ปวดท้องน้อยเรื้อรัง (Chronic Pelvic Pain in Women) คืออาการปวดที่เกิดขึ้นติดต่อกันนาน 6 เดือน หรือมากกว่านั้น เป็นอาการปวดท้องระดับต่ำกว่าสะดือลงมา ผู้หญิงที่มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังมี 4-16 % ที่รักษาได้ ซึ่งอาจมีสาเหตุที่ชัดเจนที่รักษาที่ต้นเหตุได้ หรืออาจหาสาเหตุไม่พบหรืออาจเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน อาการปวดไม่จําเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับการมีประจําเดือน อาจเกิดจากการที่ระบบประสาทส่วนกลางรับ แปลและตอบสนองต่อสัญญาณความเจ็บปวดที่มากเกินไป ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดมากเกินปกติ
ปวดท้องน้อยเรื้อรังในผู้หญิง มีสาเหตุเกิดจากอะไร?
อาการปวดท้องน้อยเรื้อรังในผู้หญิงอาจเป็นผลมาจากสาเหตุหลาย ๆ ประการ เช่น ความผิดปกติทางระบบสืบพันธุ์ ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินปัสสาวะ กล้ามเนื้อและกระดูก และความผิดปกติทั่วทั้งร่างกาย
สาเหตุอาการปวดท้องน้อยจากระบบสืบพันธุ์
พบได้ประมาณ 20% ของผู้หญิงที่มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังมีอาการจากระบบสืบพันธุ์ ได้แก่
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
เกิดขึ้นจากการที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตนอกมดลูกหรือเซาะไปในกล้ามเนื้อมดลูกทำให้มดลูกทําให้มดลูกขยายตัวจนบวมโต ปวดประจำเดือน ประจําเดือนมามาก ถ้าเกิดที่รังไข่หรือตำแหน่งอื่นๆจะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งสามารถพบได้ที่ตำแหน่งใดๆในอุ้งเชิงกราน โดยบางรายที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจไม่มีอาการใด ๆ ในขณะที่บางรายอาจมีอาการปวดประจำเดือน ไม่สบายตัว ประจำเดือนมามาก หรือมีบุตรยาก - เนื้องอกมดลูก (เนื้องอกที่ไม่เป็นมะเร็ง)
พบได้เกือบครึ่งหนึ่งของผู้หญิง ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่ ประมาณ 25% ของผู้หญิงที่มีเนื้องอกมดลูกมีอาการปวดท้องน้อย ประจําเดือนมามาก และมีบุตรยาก - ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID)
เกิดจากการติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการติดเชื้อในช่องท้อง ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบทำให้มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังและมีบุตรยาก
สาเหตุอาการปวดท้องน้อยอื่น ๆ
โดยสาเหตุเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร ระบบทางเดินปัสสาวะ หรือการระคายเคืองในกล้ามเนื้อและเส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน
- โรคลำไส้แปรปรวน หรือโรคลำไส้อักเสบ พบได้บ่อยมาก มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย และปวดท้องเรื้อรัง
- อาการปวดกระเพาะปัสสาวะและโรคกระเพาะปัสสาวะแบบไม่ติดเชื้อ (BPS/IC) หมายถึงอาการปวดกระเพาะปัสสาวะเรื้อรังโดยไม่มีการติดเชื้อ อาจทําให้ปัสสาวะบ่อยหรือรู้สึกปวดบ่อย ๆ
- อาการปวดกล้ามเนื้อหน้าท้อง
- อาการปวดที่เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน
- ประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การถูกล่วงละเมิดทางเพศ การถูกทำร้ายร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง ผู้ที่เผชิญกับปัญหาในวัยเด็ก ความวิตกกังวล หรือมีประสบการณ์ตรวจภายในที่ไม่ดี หรือการมีภาวะเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้าก็อาจเกิดปวดท้องน้อยเรื้อรังได้
ปวดท้องน้อยเรื้อรังในผู้หญิง มีอาการอย่างไร?
- อาการทางระบบสืบพันธุ์
- ปวดประจําเดือน
- มีเลือดหรือตกขาวออกมาทางช่องคลอด
- อาการทางระบบทางเดินปัสสาวะ
- รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย
- อาการทางระบบทางเดินอาหาร
- ท้องอืด
- เลือดออกทางทวารหนัก
- รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- ท้องเสียหรือท้องผูก
- อาการอื่น ๆ
- มีไข้หนาวสั่น
- ปวดสะโพกหรือขาหนีบ
เมื่อมีอาการปวดท้องน้อย ควรพบแพทย์เมื่อใด?
- หากมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังและอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์
- หากอาการไม่รุนแรง แต่มีอาการอื่นร่วมด้วย แนะนำไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษา
โดยควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้
- ไม่สบายตัว ปวดท้องน้อย เจ็บแปลบฉับพลันรุนแรง
- อุจจาระหรือปัสสาวะเป็นเลือด
- มีไข้
- ไม่สามารถยืนตัวตรงได้
การตรวจวินิจฉัยอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง เป็นอย่างไร?
การระบุสาเหตุของอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังอาจทำได้ยากเนื่องจากสาเหตุของโรคนั้นมีได้หลายสาเหตุ
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย แพทย์จะถามถึงปัญหาสุขภาพในอดีตและปัจจุบันของผู้ป่วย และตรวจบริเวณท้องน้อยและอุ้งเชิงกราน ร่วมกับการตรวจภายใน
- การตรวจในห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจการตั้งครรภ์ การตรวจสารคัดหลั่งในช่องคลอดเพื่อตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การตรวจปัสสาวะ และอาจตรวจเลือดอื่น ๆ เพิ่มเติม
- การอัลตราซาวด์ตรวจอุ้งเชิงกรานสามารถช่วยตรวจหาความผิดปกติในอุ้งเชิงกราน ได้แก่ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในรังไข่และเนื้องอกในมดลูก
- การส่องกล้องตรวจช่องท้องและอุ้งเชิงกราน (Laparoscopy) ช่วยทั้งวินิจฉัยและรักษา เพื่อตรวจหาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน อย่างไรก็ตามแนะนำส่องกล้องเฉพาะกรณีที่ตรวจ ไม่พบสาเหตุ หรือรักษาแล้วไม่หาย
- การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนล่าง เพื่อตรวจลําไส้ใหญ่และทวารหนัก
- การตรวจวินิจฉัยช่องท้องและอุ้งเชิงกรานด้วยเครื่องเอกซเรย์หรือครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan)
การรักษาอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง มีกี่วิธี และวิธีอะไรบ้าง?
การรักษาอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง มี 6 วิธี เมื่อระบุสาเหตุของอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังได้แล้ว แพทย์จะเริ่มทำการรักษาตามสาเหตุของโรค หากไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้ การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาเพื่อลดความเจ็บปวด
- ยาแก้ปวด เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาพาราเซตามอล ยาต้านเศร้า ยากันชัก หรือยาคลายกล้ามเนื้อ
- การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อบรรเทาอาการกล้ามเนื้อในช่องท้อง หลังส่วนล่าง สะโพก และต้นขาตึง และช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังหรือปวดอุ้งเชิงกราน
- การฝังเข็ม
- การฝึกขับถ่าย (Biofeedback) และเทคนิคการผ่อนคลาย
- การกระตุ้นเส้นประสาท
- การใช้ยาชาเฉพาะที่ในบริเวณที่ปวด
การดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน เมื่อมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
- รับประทานยาแก้ปวด
- ประคบอุ่น
- ฝึกเทคนิคผ่อนคลายเพื่อลดความเครียดและอาการปวด
- เลิกสูบบุหรี่ การใช้ยาสูบอาจทําให้เกิดอาการปวดและเส้นประสาทอักเสบ
- การออกกําลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและบรรเทาอาการปวด
อย่างไรก็ตามหากมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม