เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ตรวจภายใน คืออะไร?
- ทําไมควรตรวจภายใน?
- การตรวจภายใน ควรตรวจตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
- การเตรียมตัวก่อนการเข้ารับการตรวจภายใน
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจภายใน
- ลงทะเบียนรับ E-book ฟรี! จากแพทย์เฉพาะทาง
ตรวจภายใน คืออะไร?
การตรวจภายใน (Pelvic Exam) คือ การตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานของเพศหญิง ซึ่งรวมไปถึง
- ช่องคลอด
- ปากมดลูก
- มดลูก
- ท่อนําไข่
- รังไข่
- กระเพาะปัสสาวะ
- ทวารหนัก
โดยขณะที่ทำการตรวจภายในนั้น แพทย์อาจทำการตรวจแปปเสมียร์ (Pap smear) ไปพร้อมกัน เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก
ทําไมควรเข้ารับการตรวจภายใน?
การตรวจภายในช่วยตรวจวินิจฉัยอาการทางระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง เช่น เลือดออกทางช่องคลอด อาการปวดอุ้งเชิงกราน ตกขาว หรือปัญหาทางระบบทางเดินปัสสาวะ และยังสามารถช่วยตรวจหาสัญญาณของโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางเพศสัมพันธ์ ถุงน้ำรังไข่ เนื้องอกในมดลูก และมะเร็งได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
การตรวจภายใน ควรตรวจตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
โดยปกติแล้วจะแนะนำให้เริ่มเข้ารับการตรวจตั้งแต่อายุ 21 ปี ผู้หญิงอายุ 21-65 ปีควรเข้ารับการตรวจภายในทุกปีและเข้ารับการตรวจแปปสเมียร์ทุก 3 ปี โดยแพทย์จะพิจารณาประวัติสุขภาพของผู้เข้ารับการตรวจ รวมไปถึงประวัติสุขภาพของครอบครัวของผู้เข้ารับการตรวจว่าเคยเป็นมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่หรือไม่ เพื่อประเมินว่าผู้เข้ารับการตรวจแต่ละคนควรเข้ารับการตรวจภายในบ่อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ควรไปพบสูตินรีแพทย์ทันทีที่มีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดอุ้งเชิงกรานหรือมีอาการปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือหรือตกขาวผิดปกติ
- สงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- กําลังตั้งครรภ์
การเตรียมตัวก่อนการเข้ารับการตรวจภายใน
ก่อนการตรวจภายใน
ควรทำนัดตรวจภายในในวันที่ไม่มีประจําเดือน เนื่องจากประจำเดือนอาจทำให้ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกคลาดเคลื่อนได้ โดยก่อนเข้ารับการตรวจสามารถแจ้งให้แพทย์ทราบถึงข้อกังวลใจที่มีอยู่
ระหว่างการตรวจภายใน
การตรวจจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่จะให้ผู้เข้ารับการตรวจเปลี่ยนชุดและนอนหงายพร้อมวางขาบนขาหยั่ง แพทย์จะพูดคุยและแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนการตรวจเพื่อคลายความกังวลของผู้รับการตรวจ
- การตรวจบริเวณภายนอกด้วยสายตา แพทย์จะตรวจบริเวณอวัยวะเพศเพื่อดูว่ามีรอยแดง รอยบวม หรืออาการระคายเคืองใด ๆ หรือไม่
- การตรวจภายใน แพทย์จะสอดคีมปากเป็ดเข้าไปในช่องคลอด เพื่อให้มองเห็นบริเวณภายในช่องคลอดและปากมดลูก
- การตรวจร่างกาย แพทย์จะสอดนิ้วมือ 2 นิ้วที่สวมถุงมือไว้แล้วเข้าไปตรวจภายในช่องคลอด แล้วใช้มืออีกข้างกดเบา ๆ ลงบนท้องน้อย เพื่อตรวจดูขนาดและรูปร่างของมดลูก รวมถึงตรวจว่ามีตำแหน่งที่บวมหรือการเจริญเติบโตที่ผิดปกติหรือไม่
- การตรวจแปปเสมียร์ (Pap smear) และเชื้อไวรัส HPV แพทย์จะใช้ไม้สวอปเก็บตัวอย่างเซลล์ปากมดลูกแล้วส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยอาจต้องรอผลนาน 2-3 วันหรือหนึ่งสัปดาห์
- การตรวจทางทวารหนัก ในบางรายแพทย์อาจสอดนิ้วเพื่อตรวจและสัมผัสว่ามีเนื้องอกหรือความผิดปกติใด ๆ ในทวารหนักหรือไม่
ในระหว่างการตรวจภายใน ผู้เข้ารับการตรวจอาจรู้สึกกังวลและไม่สบายตัว ควรพยายามผ่อนคลายโดยการหายใจเข้าลึก ๆ ไม่เกร็งหัวไหล่ ท้องและขา โดยปกติแล้วการตรวจภายในจะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ หากรู้สึกเจ็บ ควรแจ้งแพทย์ทันที
หลังการตรวจภายใน
แพทย์จะพูดคุยอธิบายผลการตรวจ หากมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถสอบถามแพทย์ได้ การตรวจแปปเสมียร์ (Pap smear) และเชื้อไวรัส HPV จะใช้เวลา 2-3 วันหรือหนึ่งสัปดาห์กว่าจะรู้ผล แพทย์จะนัดให้มาฟังผลอีกครั้งในภายหลัง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจภายใน
- การตรวจภายในทำให้ปวดท้องน้อยหรือมีเลือดออกทางช่องคลอดได้หรือไม่
การตรวจภายในอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เกร็งเพียงเล็กน้อยระหว่างการตรวจ แต่ไม่ทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอด หากรู้สึกปวดท้องน้อยหรือมีเลือดออกมาหลังการตรวจภายใน ควรรีบไปพบแพทย์ - ผู้หญิงในวัยหมดประจําเดือนจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจภายในหรือไม่
ผู้หญิงในวัยหมดประจําเดือนควรเข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำ เพราะยิ่งอายุมาก ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งก็ยิ่งสูงมากขึ้น การตรวจภายในจะช่วยตรวจวินิจฉัยและตรวจพบโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้การรักษาโรคประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น