เลือกหัวข้อที่อ่าน
- โรคลมชัก คืออะไร
- โรคลมชัก มีอาการอย่างไร
- สาเหตุของโรคลมชัก
- โรคลมชักมีภาวะแทรกซ้อนอย่างไร
- โรคลมชัก มีการวินิจฉัยอย่างไร
- โรคลมชัก มีวิธีการรักษาอย่างไร
- การตั้งครรภ์และอาการชัก
- เตรียมตัวก่อนพบแพทย์
โรคลมชัก
โรคลมชัก (Seizures) เกิดจากการรบกวนของกระแสไฟฟ้าในสมองที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว ความรู้สึก หรือพฤติกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงไปโดยอาจรู้หรือไม่รู้ตัวขณะเกิดอาการลมชัก อาการลมชักมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและบริเวณที่เกิดความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในสมอง โดยปกติอาการชักจะกินเวลาตั้งแต่ 30 วินาทีจนถึง 2 นาที หากอาการชักดำเนินไปเป็นเวลานานกว่า 5 นาทีจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน อาการลมชักอาจเกิดขึ้นหลังจากการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การบาดเจ็บที่ศีรษะ หรือการติดเชื้อ ทั้งนี้อาการลมชักโดยทั่วไปสามารถควบคุมได้ด้วยยา
โรคลมชัก มีอาการอย่างไร
สัญญาณและอาการชักแตกต่างกันไปตามประเภทและความรุนแรงของโรคโดยคนไข้อาจมีอาการ:
- การสูญเสียสติและการรับรู้
- การเคลื่อนไหวของแขนและขากระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้
- ความสับสนชั่วคราว
- อาการตาจ้องกว่าปกติ
อาการชักมีสองประเภท: อาการชักเฉพาะที่ และอาการลมชักที่มีผลต่อทุกส่วนของสมอง หรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่าลมบ้าหมู ซึ่ประเภืของลมชักนี้งจำแนกตามพื้นที่ที่เกิดขึ้ยของกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ และกระบวนการเริ่มต้นของการรบกวนของกระแสไฟฟ้าในสมอง อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการรบกวนดังกล่าว
อาการลมชักเฉพาะที่ (Focal seizures)
อาการชักประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าในสมองทำงานผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อบริเวณใดบริเวณหนึ่งของสมอง ผู้ที่มีอาการชักเฉพาะที่อาจหมดสติหรือไม่ก็ได้
- อาการลมชักแบบเฉพาะที่พร้อมอาการหมดสติ ผู้ที่มีอาการลมชักลักษณะนี้จะไม่ตอบสนองตามปกติ คนไข้อาจเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เช่นเดินเป็นวงกลม ใช้มือถูไปมา เคี้ยวหรือกลืน
- อาการลมชักแบบเฉพาะที่โดยไม่หมดสติ อาการลมชักแบบเฉพาะที่ลักษณะนี้ไม่ทำให้หมดสติ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีอาการชักแบบนี้อาจพบ
-
- การเปลี่ยนแปลงของการรับรู้วมถึง กลิ่น รูปลักษณ์ รส ความรู้สึก และเสียง
- การกระตุกของร่างกายเช่น แขนและขา
- อาการเหน็บชา
- เวียนหัว
- เห็นแสงวาบ
อาการของการชักแบบเฉพาะที่อาจคล้ายคลึงกับความผิดปกติทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น ไมเกรน โรคลมหลับ หรืออาการป่วยทางจิต
อาการลมชักที่มีผลต่อทุกส่วนของสมอง หรือลมบ้าหมู
อาการชักประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าทำงานผิดปกติและส่งผลกระทบต่อทุกพื้นที่ของสมอง อาการลมชักประเภทนี้สามารถแบ่งได้หลายชนิด ได้แก่
- ลมชักชนิดเหม่อ (Absence seizures) อาการลมชักชนิดเหม่อมักพบในเด็ก อาจทำให้เกิดการสูญเสียการรับรู้ และการเคลื่อนไหวของร่างกายบางอย่าง เช่น การขยับริมฝีปาก หรือกระพริบตา
- อาการชักแบบชักกระตุกและเกร็ง (Tonic-clonic Seizures) โดยปกติจะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อแข็งรวมถึง หลัง แขน และขา ซึ่งอาจทำให้ล้มได้
- อาการชักแบบกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Atonic Seizures) อาการชักชนิดนี้ อาจทำให้สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อและนำไปสู่การหมดสติ และล้มลงอย่างกะทันหัน
- อาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว (Clonic seizure) อาการชักชนิดนี้มักทำให้เกิดการกระตุกซ้ำ ๆ และเคลื่อนไหวเป็นจังหวะโดยเฉพาะที่คอ ใบหน้า และแขน
- อาการชักสะดุ้ง (Myoclonic seizures) ผู้ที่มีอาการชักสะดุ้งมักจะมีอาการกระตุกของแขนและขาอย่างกะทันหัน
- อาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว (Tonic-clonic seizure) อาการชักนี้อาจทำให้ผู้คนไข้มีปัญหามากที่สุดโดยอาจสูญเสียสติ ร่างกายเกิดอาการแข็ง และสั่น กัดลิ้น หรือสูญเสียการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ
เมื่อไหร่จึงควรพบแพทย์
ควรต้องพบแพทย์ทันทีหากเกิดอาการดังต่อไปนี้
- เกิดอาการชักเป็นครั้งแรก
- อาการชักกินเป็นเวลานานกว่า 5 นาที
- รู้สึกตัวอย่างผืดปกติหรือหายใจผิดปกติหลังจากหยุดชัก
- เกิดอาการชักขึ้นซ้ำต่อไปหลังจากการชักครั้งแรก
- มีไข้สูง
- มีอาการอ่อนเพลียจากความร้อน
- เกิดอาการลมชักในผู้ที่ตั้งครรภ์
- เกิดอาการลมชักในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
- ได้รับบาดเจ็บหลังจากเกิดอาการชัก
สาเหตุของโรคลมชัก
แรงกระตุ้นทางไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นถูกส่งและรับโดยเซลล์ประสาทในสมอง อาการชักเกิดขึ้นเมื่อมีบางอย่างขัดขวางเส้นทางการสื่อสารของแรงกระตุ้นไฟฟ้าเหล่านี้ โรคลมชักเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการชัก อย่างไรก็ตามสาเหตุอื่น ๆ ของอาการชักอาจรวมถึง
- ไข้สูงจากการติดเชื้อ
- ขาดการนอนหลับ
- ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ
- เป็นผลจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดและยาต้านโรคซึมเศร้า
- การบาดเจ็บที่ศีรษะ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เนื้องอกในสมอง
- ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เช่น โคเคนและยาบ้า
- ผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การติดเชื้อโควิด -19
โรคลมชักมีภาวะแทรกซ้อนอย่างไร
อาการชักอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายหลายอย่างเช่น
- การล้ม
- การจมน้ำ
- อุบัติเหตุทางรถยนต์
- ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์
- ปัญหาสุขภาพทางอารมณ์
โรคลมชัก มีการวินิจฉัยอย่างไร
แพทย์อาจทำการทดสอบบางอย่างเพื่อตรวจสอบสาเหตุของอาการชักซึ่งอาจรวมถึง
- การตรวจระบบประสาท เพื่อค้นหาปัญหาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท
- การตรวจเลือด เพื่อตรวจหาสัญญาณของการติดเชื้อ ภาวะทางพันธุกรรม ระดับน้ำตาลในเลือด หรือความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
- การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง เพื่อตรวจหาการติดเชื้อที่อาจทำให้เกิดอาการชัก
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง Electroencephalogram (EEG) เพื่อตรวจสอบการทำงานของสมองและคาดการแนวโน้มของการเกิดซ้ำของอาการชัก และเพื่อตอบคำถามว่าการชักนั้นเกิดจากโรคลมบ้าหมูหรือไม่
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เพื่อเปิดเผยความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในสมอง
- การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) เพื่อตรวจหาร่องรอยของโรคหรือความผิดปกติที่อาจทำให้เกิดอาการชัก
- การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (PET) เพื่อตรวจสอบบริเวณที่ใช้งานของสมองและตรวจหาความผิดปกติ
- เทคนิคการถ่ายภาพอวัยวะภายในร่างกายที่ต้องการตรวจโดยการให้สารเภสัชรังสี (SPECT) เพื่อติดตามการไหลเวียนของเลือดในสมองที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการชัก
โรคลมชัก มีวิธีการรักษาอย่างไร
แพทย์อาจตัดสินใจเริ่มการรักษากับผู้ที่มีอาการชักหลายครั้ง โดยการรักษาอาจรวมถึง
- ยาต้านอาการชัก
- การผ่าตัดและการบำบัดอื่น ๆ
- ศัลยกรรม เพื่อหยุดการเกิดอาการชักโดยการเอานำสมองส่วนที่ได้รับผลกระทบให้เกิดอาการชักออก
- กระตุ้นเส้นประสาทวากัส อุปกรณ์จะถูกฝังไว้ใต้ผิวหนังของหน้าอกเพื่อส่งสัญญาณไปยังสมอง
- การกระตุ้นระบบประสาทที่ตอบสนอง อิเล็กโทรดจะถูกฝังไว้ที่พื้นผิวของสมองหรือภายในเนื้อเยื่อสมองเพื่อหยุดการชัก
- กระตุ้นสมองส่วนลึก เพื่อควบคุมปริมาณการกระตุ้นที่ถูกผลิตขึ้น
- การบำบัดด้วยอาหาร แพทย์อาจแนะนำการบำบัดด้วยอาหารเพื่อปรับปรุงการควบคุมอาการชัก
การตั้งครรภ์และอาการชัก
ผู้หญิงที่มีอาการชักที่วางแผนการตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากยาบางชนิดที่ใช้ในการรักษาอาการชักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยแพทย์อาจเปลี่ยนขนาดของยาก่อนหรือระหว่างตั้งครรภ์
การเตรียมการสำหรับการพบแพทย์
ก่อนการนัดหมายคุณอาจเตรียมตัวให้พร้อมโดย
- บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอาการชัก
- ระวังข้อจำกัดก่อนการนัดหมาย
- รายการข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ
- รายการยาที่คุณกำลังใช้อยู่
- คำถามที่อยากถามคุณหมอ
ในระหว่างการปรึกษา แพทย์อาจถามคำถามบางอย่างรวมถึงข้อมูลเช่น
- รายละเอียดของอาการชักที่เกิดขึ้น
- ความรู้สึกเมื่อเกิดอาการชัก
- อาการอื่น ๆ ที่มี
- ระยะเวลาของการชัก
- ประวัติของสมาชิกในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับโรคลมชักหรือโรคลมบ้าหมู
- บันทึกการเดินทางของคุณโดยเฉพาะการไปต่างประเทศ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคลมชัก
- โรคลมชัก คืออะไร
โรคลมชัก เกิดจากการรบกวนของกระแสไฟฟ้าในสมองที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว ความรู้สึก หรือพฤติกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงไปโดยอาจรู้หรือไม่รู้ตัวขณะเกิดอาการลมชัก อาการลมชักมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและบริเวณที่เกิดความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในสมอง โดยปกติอาการชักจะกินเวลาตั้งแต่ 30 วินาทีจนถึง 2 นาที - โรคลมชักมีอาการอย่างไร
สัญญาณและอาการชักแตกต่างกันไปตามประเภทและความรุนแรงของโรค โดยอาจมีอาการสูญเสียสติและการรับรู้ การเคลื่อนไหวของแขนและขากระตุกโดยไม่สามารถควบคุมได้ อาการสับสนชั่วคราว อาการตาจ้องกว่าปกติ เป็นต้น - สาเหตุของโรคลมชักคืออะไร
แรงกระตุ้นทางไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นถูกส่งและรับโดยเซลล์ประสาทในสมอง อาการชักเกิดขึ้นเมื่อมีบางอย่างขัดขวางเส้นทางการสื่อสารของแรงกระตุ้นไฟฟ้าเหล่านี้ โรคลมชักเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการชัก - รักษาโรคลมชักอย่างไร
แพทย์อาจตัดสินใจเริ่มการรักษากับผู้ที่มีอาการชักหลายครั้ง โดยการรักษาอาจรวมถึงยาต้านอาการชัก หรือผ่าตัดและการบำบัดอื่น ๆ เช่น ศัลยกรรม เพื่อหยุดการเกิดอาการชัก การกระตุ้นเส้นประสาทวากัส อุปกรณ์จะถูกฝังไว้ใต้ผิวหนังของหน้าอกเพื่อส่งสัญญาณไปยังสมอง การกระตุ้นระบบประสาทที่ตอบสนอง กระตุ้นสมองส่วนลึก การบำบัดด้วยอาหาร เป็นต้น