ผิวแตกลาย หรือ รอยแตกลาย
ผิวแตกลาย หรือ รอยแตกลาย มักปรากฎเป็นรอยเส้นบุ๋มลงไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าอก ท้อง สะโพก และบั้นท้าย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์มักจะมีรอยแตกลายปรากฎขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ แม้ว่าผิวแตกลายจะไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ หรือไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ บางคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบใจที่มีรอยเหล่านี้อยู่ โดยปกติแล้วการรักษาผิวแตกลายนั้นไม่จำเป็นเพราะไม่อันตรายและรอยบางส่วนอาจจะจางลงได้บ้างตามธรรมชาติ
อาการผิวแตกลาย
แต่ละคนนั้นอาจมีอาการผิวแตกลายต่างกันไป แต่อาการทั่วไปที่มีได้แก่
- รอยแตกลายมีลักษณะเป็นเส้นบุ๋มลงไป มีสีชมพู แดง ม่วง น้ำตาลแดง น้ำตาลเข้ม ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล
- รอยแตกลายมักพบที่หน้าอก ท้อง บั้นท้าย หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
ผิวแตกลายควรไปพบแพทย์หรือไม่ และเมื่อไหร่?
หากมีความกังวลเรื่องรอยบนผิวหรือรอยแตกลายขยายและครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง สามารถพูดคุยกับแพทย์ได้
- หาสาเหตุที่ทำให้ผิวแตกลาย
- พูดคุยถึงทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะบุคคล
- เข้ารับคำแนะนำในการจัดการและทำให้รอยจางลง
- พูดคุยปรึกษาเรื่องอื่นที่กังวลหรือถามคำถามที่มี
สาเหตุที่ผิวแตกลาย
ผิวแตกลายเกิดจากการที่ผิวหนังมีการยืดตัวอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำให้ผิวหนังของเราคงตัวและยืดหยุ่น เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างและรูปร่าง และเมื่อผิวสมานตัวจึงเกิดเป็นรอยแตกลายบริเวณผิวหนังขึ้นมาได้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวแตกลาย
- ยีนหรือกรรมพันธุ์
- การตั้งครรภ์
- การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่เป็นวัยรุ่น
- น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว
- การออกกำลังกายที่มีการเติบโตของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว
- โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคคุชชิงซินโดรม (Cushing syndrome) และโรคมาร์แฟนซินโดรม (Marfan syndrome)
การตรวจวินิจฉัยผิวแตกลาย
แพทย์จะซักประวัติและดูประวัติสุขภาพ ทำการตรวจร่างกาย และอาจให้ทำการทดสอบเพิ่มเติมหากสงสัยว่ารอยแตกลายเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ
การรักษาผิวแตกลาย และการดูแลตนเอง
ครีม ขี้ผึ้ง หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่โฆษณาว่าสามารถป้องกันหรือรักษารอยแตกลายได้ เช่น โกโก้บัตเตอร์ วิตามิน อี กรดไกลโคลิก มักมีประสิทธิภาพจำกัดและไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน การรักษาผิวแตกลายนั้นมักไม่จำเป็นเนื่องจากรอยแตกลายไม่มีอันตราย การรักษาอาจจะช่วยให้รอยดูจางลงหรือช่วยบรรเทาอาการคัน แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะหายไปได้ทั้งหมด หากมีความกังวล สามารถพูดคุยกับแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมหรือใช้วิธีการรักษาหลายวิธีร่วมกัน ปัจจัยในการเลือกวิธีการรักษานั้นขึ้นอยู่กับว่าอายุของรอยแตกลาย ประเภทของผิว ความสะดวกในการเข้ารับการรักษา (การรักษาบางประเภทอาจจำเป็นต้องเข้ามารับการรักษาหลายครั้ง) และความคาดหวังเรื่องผลลัพธ์ของการรักษา
ครีมเรตินอล
สามารถทาครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอลที่รอยแตกลาย ในช่วงระยะแรกของรอยแตกลายเพื่อช่วยทำให้รอยแตกลายชัดน้อยลงได้ ยังช่วยในการสร้างคอลลาเจนในรอยแตกลายได้ แต่เรตินอลอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ หญิงตั้งครรภ์หรือมารดาที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เนื่องจากอาจส่งผลต่อบุตร
การรักษาด้วยหัตถการทางผิวหนัง
การรักษาด้วยหัตถการทางผิวหนังโดยแพทย์ผิวหนัง ช่วยให้รอยแผลแตกลายเห็นชัดน้อยลงหรือบรรเทาอาการคันได้ แต่อาจจะไม่สามารถทำให้รอยแตกลายหายไปได้ทั้งหมด
- รักษาผิวแตกลายด้วยการผลัดลอกเซลล์ผิว
- การใช้เลเซอร์และแสงเข้มข้น เพื่อรักษาผิวแตกลาย
- รักษาผิวแตกลายด้วยการกรอผิว และการใช้เข็มขนาดเล็ก
- การใช้คลื่นวิทยุ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณผิวที่แตกลาย
- รักษาผิวแตกลายด้วยการการใช้อัลตราซาวด์