เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ผิวไหม้แดด มีอาการอย่างไร?
- อาการผิวไหม้แดด แบบไหนที่ควรพบแพทย์?
- ผิวไหม้แดดมีสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- ผิวไหม้แดด มีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร?
- ผิวไหม้แดด มีวิธีการรักษาอย่างไร?
- การดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน เมื่อมีอาการผิวไหม้แดด
ผิวไหม้แดด (Sunburn)
ผิวไหม้แดด (Sunburn) คือ เวลาที่เราอยู่กลางแดดจัดนาน ๆ แสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเล็ตจะทำลายเซลล์ผิวหนังของเราและผิวอาจเริ่มไหม้แดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องตากแดดเป็นเวลานานต่อเนื่องเป็นประจำหรือมีอาการผิวไหม้แดดบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ผิวหนังมีริ้วรอยเหี่ยวย่นและยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
ผิวไหม้แดด มีอาการอย่างไร?
อาการผิวไหม้แดด เมื่อเราหากอยู่กลางแดดและไม่มีอะไรปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ผิวหนังอาจเริ่มไหม้แดดได้ โดยอาจมีอาการดังต่อไปนี้
- ผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือแดง บวม กดเจ็บ
- ผิวอุ่นหรือร้อนเมื่อสัมผัส
- คัน มีตุ่มน้ำขึ้น
- ระคายเคืองตา มีขี้ตา
- หากผิวไหม้แดดรุนแรง อาจมีไข้ ปวดศีรษะ เหนื่อยอ่อน คลื่นไส้
- ประมาณ 2-3 วัน ผิวจะเริ่มลอกซึ่งเป็นขั้นตอนการรักษาตามธรรมชาติของผิวหนัง
อาการผิวไหม้แดด แบบไหนที่ควรพบแพทย์?
- มีตุ่มน้ำขึ้นที่หน้า มือ หรืออวัยวะเพศ
- มีตุ่มหนอง
- บริเวณผิวหนังที่ไหม้แดดมีอาการบวมรุนแรง
- อาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ มีไข้ หนาวสั่น หรืออาการปวดแย่ลง
- การมองเห็นเปลี่ยน มองเห็นไม่ชัด
ควรเข้ารับการรักษาทันทีหากมีไข้สูงกว่า 39.4 องศาเซลเซียส หรือมีอาการอาเจียน สับสน ขาดน้ำ ผิวหนังเย็น เวียนศีรษะ เป็นลม ติดเชื้อ
ผิวไหม้แดดมีสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- สีผิว: ชนิดและการกระจายค่าของเม็ดสีเมลานินส่งผลต่อสีผิวของคนเรา เมลานินมี 2 ชนิด ขึ้นอยู่กับการกระจายตัวว่าอยู่แน่นหรือห่าง ซึ่งเมลานินจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเล็ต ผู้ที่มีผิวขาวมีแนวโน้มที่จะผิวไหม้แดดได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่มีสีผิวเข้ม โดยบางคนอาจจะผิวไหม้แดดได้ภายใน 15 นาทีหลังโดนแดด
- ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: ผู้ที่อยู่ในเขตใกล้เส้นศูนย์สูตรหรือที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก เช่น พื้นที่ที่เป็นภูเขา จะมีความเสี่ยงที่จะผิวไหม้แดดสูงขึ้น เนื่องจากแสงยูวีเข้มข้นมากกว่า พื้นที่ที่มีหิมะจะสะท้อนรังสียูวีได้มากทำให้ผิวหนังไหม้แดดได้ง่าย
- ยา: ยาบางชนิดทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ผิวจึงไหม้แดดได้ง่าย ยาดังกล่าว ได้แก่ ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ กลุ่มยาปฏิชีวนะยาควิโนโลนอ และเตตร้าซัยคลิน ยาขับปัสสาวะ ยาอะมิโอดาโรน และยารักษาโรคจากเชื้อรา
ภาวะแทรกซ้อนของอาการผิวไหม้แดด มีอะไรบ้าง?
ผิวไหม้แดด มีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร?
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย
แพทย์จะซักถามอาการ ประวัติการโดนแดดและประวัติการมีอาการผิวหนังไหม้แดด และยาที่กำลังรับประทานอยู่ - การทำทดสอบแสง
เพื่อประเมินว่าผิวหนังของผู้ป่วยไวต่อแสงยูวีเอและยูวีบีแค่ไหน
ผิวไหม้แดด มีวิธีการรักษาอย่างไร?
อาการผิวไหม้แดดที่ไม่รุนแรงส่วนใหญ่เป็นแล้วหายได้เอง การทาครีมสเตียรอยด์จะช่วยบรรเทาอาการปวดและความรู้สึกไม่สบายตัวจากผิวไหม้แดด หากอาการรุนแรงจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
วิธีป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ ควรทำอย่างไร?
- ทาครีมกันแดดที่ผิวหนังและขี้ผึ้งกันแดดที่ริมฝีปากชนิดกันน้ำที่มีค่า SPF 30 เป็นอย่างต่ำแม้ในวันที่มีเมฆมาก และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรงในช่วงเวลา 10 โมง ถึง 4 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่รังสียูวีเข้มข้น
- งดการทำผิวสีแทน เช่น เตียงทำสีผิว ซึ่งจะปล่อยรังสียูวีเอเข้มข้นกว่ารังสีในแสงแดดตามธรรมชาติ
- กางร่ม สวมแว่น UV-400 สวมหมวกปีกกว้าง สวมเสื้อผ้าโปร่งปกปิดแขนและขาเพื่อเป็นการป้องกันรังสียูวีเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดและรังสียูวี แม้ในวันที่มีเมฆมากหรือมีหมอกลง ความเข้มข้นของรังสียูวีจะลดลงเพียง 20 % เท่านั้น จึงควรต้องทาครีมกันแดดและระมัดระวังมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่ที่มีหิมะ พื้นน้ำ หรือพื้นคอนกรีต ซึ่งสะท้อนรังสียูวีกลับมาได้
การดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน เมื่อมีอาการผิวไหม้แดด
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วทุกวันเพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้น
- อาบน้ำเย็นผสมเบกกิ้งโซดา 60 กรัมหรือประคบผ้าชุบน้ำเย็นเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาทีวันละหลาย ๆ ครั้ง
- ประคบผ้าเย็นบนเปลือกตา ไม่ขยี้ตาและงดใส่คอนแทกเลนส์จนกว่าอาการจะดีขึ้น
- ทาผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ โลชั่น เจลแช่เย็น เช่น โลชั่นหรือเจลว่านหางจระเข้หรือคาลามายน์ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ในช่วงที่ผิวเริ่มลอกควรทาผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ต่อเนื่อง
- หากมีตุ่มน้ำขึ้น ไม่ควรไปแคะ แกะ เกา ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณดังกล่าวด้วยสบู่อ่อน ๆ และน้ำสะอาด จากนั้นทาขี้ผึ้งปฏิชีวนะ
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดเพิ่ม สวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ป้องกันแสงแดดหากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน