โรคบาดทะยักเป็นโรคที่เกิดจากสารพิษจากแบคทีเรีย บาดทะยักเป็นโรคที่มีความรุนแรงและก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดต่อผู้ป่วย บาดทะยักส่งผลต่อระบบประสาททำให้ให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามและคอมีอาการกระตุก เมื่อสารพิษเข้าสู่ระบบประสาทจะใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นตัวจากการติดเชื้อบาดทะยัก
ลักษณะอาการโรคบาดทะยัก
หลังจากที่แบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล โรคบาดทะยักจะเริ่มแสดงอาการตั้งแต่สองสามวันแรกและอาจกินระยะเวลาหลายสัปดาห์ ระยะฟักตัวของบาดทะยักจะใช้เวลาประมาณ 7 ถึง 10 วัน อาการทั่วไปของบาดทะยักมีดังนี้
- ภาวะกรามติด
- กล้ามเนื้อคอแข็ง
- ปัญหาการกลืน
- กล้ามเนื้อท้องแข็ง
- การกระตุกของกล้ามเนื้อในร่างกายที่สร้างความเจ็บปวดและกินเวลาหลายนาที การกระตุกของกล้ามเนื้อจะถูกกระตุ้นด้วยการกระตุก เสียงดัง การสัมผัส หรือแสงจ้า
- เหงื่อออก
- ความดันโลหิตสูง
- หัวใจเต้นเร็ว
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
ผู้ป่วยควรทำการนัดหมายกับแพทย์เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทุกๆ สิบปี ผู้ป่วยควรจะได้รับการฉีดวัคซีนหากเกิดบาดแผลลึก และไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่แน่ใจว่าได้รับวัคซีนบาดทะยักครั้งสุดท้ายเมื่อใด ควรทำการฉีดวัคซีนบาดทะยัก
สาเหตุโรคบาดทะยัก
สาเหตุของบาดทะยักเกิดจากสารพิษที่พบในสปอร์ของแบคทีเรียที่เรียกว่า Clostridium tetani แบคทีเรียเหล่านี้สามารถพบได้ในดิน ฝุ่น และมูลสัตว์ เมื่อสปอร์เหล่านี้เข้าไปในบาดแผลที่มีความลึก จะเติบโตกลายเป็นสารพิษที่ส่งผลทำให้เส้นประสาทเกิดการเสื่อม และยังส่งผลต่อเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ก่อให้เกิดอาการตึงและการกระตุก
บาดทะยักไม่ใช่โรคติดต่อ บาดทะยักมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนบาดทะยักหรือไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันทุกๆ 10 ปี
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยที่ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคบาดทะยัก มีดังนี้
- ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักหรือได้รับวัคซีนบาดทะยักในจำนวนที่ไม่ครบ
- มีบาดแผลทำให้สปอร์ของแบคทีเรียเข้าไปในแผล
- มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในผิวหนังอย่างเช่น ตะปู หรือเสี้ยน
สาเหตุที่ทำให้เกิดบาดทะยัก มีดังนี้
- แผลจากของมีคม อย่างเช่น เสี้ยน การเจาะตามส่วนต่างๆของร่างกาย หรือการสัก
- แผลจากการโดนยิง
- กระดูกหักแผลปิด
- แผลไฟไหม้
- แผลจากการผ่าตัด
- แผลจากการฉีดยาเข้าเส้นเลือด
- แมลงสัตว์กัดต่อย
- แผลที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวานที่มีการติดเชื้อ
- การติดเชื้อที่ฟัน
- การติดเชื้อที่สายสะดือในทารกแรกเกิดที่มารดาไม่ได้รับการฉีดวัคซีนในปริมาณที่จำเป็นต่อความต้องการ
3 ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อบาดทะยัก
-
กระดูกแตก
หากการกระตุกของกล้ามเนื้อมีความรุนแรงอาจส่งผลให้กระดูกสันหลังหรือกระดูกส่วนอื่นๆ เกิดการแตกได้ -
โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
เลือดที่ไหลมาจากส่วนต่างๆของร่างกายอาจเกิดการอุดตัน ทำให้เกิดการอุดตันกับหลอดเลือดในปอด -
การเสียชีวิต
การติดเชื้อขั้นรุนแรงจากอาการกล้ามเนื้อกระตุกทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ ทำให้ระบบหายใจล้มเหลวซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคบาดทะยัก นอกจากนี้อาจทำให้เกิดการขาดออกซิเจนซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตในที่สุด สาเหตุอีกประการของการเสียชีวิตจากบาดทะยักอีกประการคือโรคปอดอักเสบ
การป้องกันโรคบาดทะยัก
การฉีดวัคซีนสามารถช่วยป้องกันการเกิดบาดทะยัก
แนวทางการให้วัคซีนบาดทะยักสำหรับเด็ก
วัคซีนป้องกันบาดทะยักมักจะถูกให้ร่วมกับวัคซีน DTaP สำหรับเด็ก วัคซีนนี้จะช่วยป้องกันการเกิดโรค 3 โรค ดังนี้ โรคคอตีบ โรคไอกรน และโรคบาดทะยัก วัคซีนรวม DTap จำเป็นต้องฉีด 5 เข็มและจะถูกฉีดวัคซีนเด็กให้เด็กตามอายุต่างๆ ตามลำดับดังนี้
- 2 เดือน
- 4 เดือน
- 6 เดือน
- 15 ถึง 18 เดือน
- 4 ถึง 6 ปี
วัคซีนป้องกันบาดทะยักสำหรับผู้ใหญ่
วัคซีนป้องกันบาดทะยักสามารถให้ร่วมกับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ (Td) ในปี 2548 วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน (Tdap) ได้รับการรับรองให้สามารถใช้ได้ทั้งในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี เพื่อช่วยในการป้องกันโรคไอกรนอย่างต่อเนื่อง
เด็กวัยแรกรุ่นที่มีอายุระหว่าง 11 ถึง 12 ปีควรได้รับการฉีดวัคซีน Tdap และ วัคซีน Td ทุกๆ 10 ปี หากผู้ป่วยไม่เคยฉีดวัคซีน Tdap ผู้ป่วยสามารถรับวัคซีน Td 1 เข็ม เพื่อทดแทน หลังจากนั้นในครั้งถัดไปผู้ป่วยสามารถทำการฉีด Td ต่อเนื่องได้
การติดตามการฉีดวัคซีนให้ครบอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จำเป็น ผู้ป่วยควรทำการปรึกษาแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนเป็นประจำ
ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน Tdap หากคุณยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนในวัยเด็ก
การวินิจฉัยโรค
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคบาดทะยัก ด้วยการตรวจร่างกายและทำการซักประวัติเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลและการฉีดวัคซีนของผู้ป่วย แพทย์จะถามคำถามเกี่ยวกับอาการกล้ามเนื้อกระตุกของผู้ป่วย
การดูแลรักษาแผล
การทำความสะอาดแผลเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะช่วยป้องกันไม่ให้สปอร์ของแบคทีเรียมีการเจริญเติบโต โดยขั้นตอนการดูแลรักษาแผลเริ่มต้นด้วยการที่ผู้ป่วยล้างแผลและขจัดสิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอมและเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออกจากบาดแผล โรคบาดทะยักสามารถรักษาได้ด้วยการดูแลแผล โดยแพทย์จะทำการสั่งยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการโรค
การใช้ยารักษาโรคบาดทะยัก
-
ยาต้านพิษ
แพทย์อาจจะทำการสั่งยาต้านพิษ ยาต้านพิษจะช่วยปรับสารพิษที่ยังไม่รวมเข้ากับเส้นประสาท -
ยาปฏิชีวนะ
แพทย์อาจจะทำการสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อใช้ในการรักษาแบคทีเรียบาดทะยัก
-
วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก
ผู้ที่เป็นโรคบาดทะยักจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักทันทีที่ได้รับการวินิจฉัยโรค -
ยากล่อมประสาท
แพทย์จะทำการสั่งยากล่อมประสาทเพื่อบริหารอาการกล้ามเนื้อกระตุก -
ตัวยาชนิดอื่น ๆ
ในบางครั้งแพทย์จะทำการสั่งยาชนิดต่างๆ อย่างเช่น แมกนีเซียมซัลเฟต และยาในกลุ่มเบต้า-บล็อกเกอร์บางชนิดเพื่อช่วยบริหารอาการเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจและการหายใจ ในบางทีแพทย์อาจจะใช้มอร์ฟีนและยากล่อมประสาทในการรักษาโรคบาดทะยักอีกด้วย